ผักชีเป็นผักสวนครัวที่ปลูกง่าย
เหมาะสำหรับนักปลูกมือใหม่หรือใครที่สนใจอยากเริ่มต้นปลูกผักสร้างรายได้อีกทั้งเป็นพืชอายุสั้นสามารถเก็บเกี่ยวได้ไวประมาณ 30-45 วันก็
สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว ผักชีนั้นถือว่าเป็นสมุนไพรที่นิยมอย่างมากในประเทศไทยเพราะหาทานได้ตลอดทั้งปี ทุกส่วนของผักชีนั้นสามารถ
นำมาปรุงอาหารได้ทั้งหมด และที่นิยมมากที่สุดคือการนำผักชีมาตกแต่ง และเพิ่มสีสันให้กับจานอาหารให้ดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินA, C, K, และธาตุเหล็ก
1. วิธีปลูกผักชี มีขั้นตอนดังนี้
การเตรียมอุปกรณ์สำหรับปลูกผักชี
1.1 เตรียมเมล็ดพันธุ์ผักชี สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ที่นิยมในไทยมี 2 ชนิดได้แก่ ผักชีพันธุ์สิงคโปร์ และผักชีพันธุ์ไต้หวัน
1.2 กระถางปลูก หรือถุงปลูกสีขาวดำ VSC
1.3 ดินร่วนซุย
1.4 ปุ๋ยคอก/ปุ๋ยหมัก
1.5 อุปกรณ์รดน้ำ
1.6 ฟางข้าว/หญ้าแห้ง
2.วิธีการเพาะเมล็ดผักชี
1.นำเมล็ดผักชีที่ซื้อมาไปล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นให้แช่น้ำอุ่นประมาณ 30 นาทีเพื่อกระตุ้นการงอกของเมล็ดให้ดีขึ้น
2.นำเมล็ดผักชีที่แช่น้ำมาแล้ว ผึ่งให้แห้งพอประมาณ
3.นำเมล็ดมาหว่านในกระถางหรือถุงปลูก เว้นระยะประมาณ 1-2 เซนติเมตร ไม่ควรหว่านไว้ติดกันมากไปเพราะอาจจะทำให้ผักชีเน่าได้
4.นำฟางข้าวแบบบด หรือหญ้าแห้งมาโรยทับเมล็ดพอประมาณ แล้วรดน้ำให้ชุ่มพอประมาณ
5. วางกระถางหรือถุงปลูกไว้ในที่ร่มประมาณ 7 วัน
3.วิธีการดูแลผักชี
1.ผักชีเป็นผักที่ชอบแดดทั้งวัน(ประมาณ 6 ชั่วโมงต่อวัน) แต่ต้องเป็นแดดที่ไม่จัด ถ้าแดดแรงแนะนำให้หาสแลนกันแดด กดซื้อสแลนได้ที่นี่
2.ผักชี เป็นพืชที่ไม่ชอบฝนอย่างมาก เพราะอาจจะทำให้เน่าได้หรือเป็นเชื้อราง่ายกว่าพืชชนิดอื่น ควรหาพลาสติกคลุมโรงเรือนมาป้องกัน
การปลูกผักชีในโรงเรือน จะช่วยในการควบคุมสภาพแวดล้อมภายนอกได้ เช่น ป้องกันฝน ลมและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ส่งผลให้ผักชีเจริญเติบโตได้ดีและมีคุณภาพดียิ่งขึ้น
3. หมั่นรดน้ำให้ดินชุ่มอยู่เสมอ ผักชีต้องการน้ำปริมาณปานกลาง ไม่ควรให้ดินแห้งหรือแฉะเกินไป วันละ 2 ครั้งเช้าและเย็น
4.ใส่ปุ๋ยบำรุงดินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง สามารถใช้ได้ทั้งปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอก เพื่อให้ผักชีเจริญเติบโตได้ดีมากขึ้น
5.หมั่นเช็คผักชีทุกวัน ตัดแต่งใบและยอดผักชีที่เสียหรือเป็นโรคทิ้ง
4.การเก็บเกี่ยว
ผักชีจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 30-45 วัน การเก็บเกี่ยวผักชีทำได้โดยการถอนต้นผักชีทั้งต้น
5. ราคาผักชีในปัจจุบัน
ราคาผักชีในปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 150-170 บาท (25 กันยายน 2566) แต่หากสามารถปลูกผักชีในช่วงนอกฤดูกาลหรือหน้าฝนได้นั้น ราคาก็จะขยับ
สูงขึ้นไปด้วย ยิ่งถ้าเกิดน้ำท่วม ราคาผักชีจะแพงมากโดยอาจไปถึง 200 บาทต่อกิโลกรัมเลยทีเดียว
เมล็ดผักชี 1 กิโลกรัม ปลูกต้นผักชีได้ประมาณ 100-150 ต้น ขึ้นอยู่กับวิธีการปลูกและการดูแลรักษา โดยทั่วไปแล้ว การปลูกผักชี 1 ต้น จะได้ผลผลิตประมาณ 100 กรัม
- เมล็ดผักชี 1 กิโลกรัม ปลูกต้นผักชีได้ 100 ต้น
- ผักชี 1 ต้น จะได้ผลผลิตประมาณ 0.1 กิโลกรัม (100กรัม)
- จากเมล็ดผักชี 1 กิโลกรัม = 100 x 0.1= 10 กิโลกรัม
- ต้นผักชี 10 กิโลกรัม จะขายได้อยู่ที่ 1,500 -1,700 บาท
ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงการประมาณการเท่านั้น ผลผลิตจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น คุณภาพของเมล็ดพันธุ์ สภาพดินฟ้าอากาศ การดูแลรักษา เป็นต้น
6.ประโชยน์ของผักชี
1.บำรุงสายตา ผักชีมีวิตามินเอสูง ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของดวงตา ช่วยบำรุงสายตา
2.ป้องกันโรคมะเร็ง ผักชีมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง
3.บำรุงผิวพรรณ ผักชีมีวิตามินซีสูง ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เนียนนุ่มและชุ่มชื้น
4.เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ผักชีมีวิตามินซีและวิตามินเอสูง ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
5.ลดระดับน้ำตาลในเลือด ผักชีมีสารต้านอนุมูลอิสระและไฟเบอร์สูง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
6.ลดระดับไขมันในเลือด ผักชีมีไฟเบอร์สูง ช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือดและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
7.ช่วยย่อยอาหาร ผักชีมีไฟเบอร์สูง ช่วยกระตุ้นการขับถ่ายและบรรเทาอาการท้องผูก
8.ช่วยขับลม ผักชีมีน้ำมันหอมระเหย ช่วยขับลมและบรรเทาอาการท้องอืด
9.มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ผักชีมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารฟลาโวนอยด์ ช่วยต้านการอักเสบและลดอาการปวด
นอกจากนี้ ผักชียังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ช่วยกระตุ้นความอยากอาหารและทำให้อาหารมีรสชาติอร่อยยิ่งขึ้น
วิธีการปลูกผักชี สรุป
ผักชีเป็นพืชที่สามารถปลูกและดูแลรักษาได้ง่ายกว่าพืชชนิดอื่น ใช้เงินในการลงทุนต่ำเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่ได้รับกลับมา โดยเฉพาะหากปลูกได้นอกฤดู
อีกทั้งความต้องการในตลาดค่อนข้างสูงเพราะเป็นผักที่ใช้ประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งอาหารไทยและอาหารนานาชาติ เลยเหมาะกับคนที่เริ่มต้นอยาก
ปลูกพืชเพื่อหารายได้เสริม หรือปลูกทานเองก็ได้เช่นกัน